ดาวฤกษ์ที่มีหาง

ดาวฤกษ์ที่มีหาง มีเรื่องราวที่น่าสนใจที่เราจะนำเสนอให้ทุกคนได้รับรู้  และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่จะไม่พูดถึงก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะว่ามันเกิดขึ้นในจักรวาลอันมืดมิดของเรา  จักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือดาวฤกษ์แต่ละดวงดาวฤกษ์ ก็มีมากมายหลายดวงไม่ใช่แค่  มีดวงอาทิตย์อย่างเดียว ซึ่งดาวฤกษ์ที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักมัน เป็นดาวฤกษ์ที่มีหางซึ่งหางของมนุษย์สวยงามแค่ไหนแล้วหางของมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำความรู้จักเหมือนกันแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

เรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น  เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียวถ้าจะหาคนอยากจะรู้ว่ามันน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เราไปทำความรู้จักมันพร้อมกันเลยดีกว่าและแน่นอนว่าสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับดาวฤกษ์ที่มีหางนั้นเองเมื่อกล่าวถึงวัตถุในอวกาศที่มีหางเราก็น่าจะนึกไปถึงดาวหาง แต่คุณทราบไหมครับว่าเดี๋ยวเลิกงานก็มีหางได้เหมือนกัน โดยดาวดวงนี้มันคือหนึ่งในระบบดาวคู่ ที่อยู่ในกลุ่มดาว ซีตัส อยู่ห่างจากโลก 350 ปีแสงโดยมันมีดาวยักษ์แดงขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Mira A และมีดาวแคระขาวขนาดเล็ก

ที่มีชื่อว่า Mira B ซึ่งความพิเศษหัวข้อนี้อยู่ที่ Mira A ด้วยความที่มันเป็นดาวยักษ์แดง ที่มีขนาดใหญ่มากๆถึงขณะที่แรงดึงดูดของมันไม่อยากรั้งสสารชั้นนอกเอาไว้ได้ และสูญเสียมันไปในอวกาศประกอบกับการที่ระบบดาวคู่ Mira นี้มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 130 กิโลเมตรต่อ 1 วินาที

ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็ว จนทำให้ได้ออกมาเป็นหางอย่างที่เราเห็นซึ่งตลอดระยะเวลา 3 หมื่นปี ที่ผ่านมามันทำให้หางของ Mira Aมีความยาวมากถึง 13 ล้านปีแสงเหมือนประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆมากมาย จนทำให้ทางนักวิทยาศาสตร์คิดว่าหางของ Mira A นี้มันอาจจะกลายเป็นสารตั้งต้นในการก่อดาวดวงใหม่ขึ้นมา

หรือแม้แต่การก่อตัวเป็นระบบดาว ก็มีความได้เหมือนกัน นอกจากเรื่องราวที่เราได้กล่าวไว้ในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้  มันก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจมากมายที่ใครหลายๆคนอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน  แน่นอนถ้าหากคุณสนใจอยากที่จะทำความรู้จักและอยากที่จะศึกษามันต่อได้แล้ว ก็สามารถศึกษาค้นหาข้อมูลได้เพิ่มเติมผ่านอินเตอร์เน็ต หรือว่าจะหาหนังสือที่เกี่ยวข้องสำหรับการศึกษาข้อมูลครั้งนี้

 

สนับสนุนโดย.     ีดฟิำะ

การสำรวจแหล่งปิโตเลียม

การสำรวจแหล่งปิโตเลียม หลายๆ คนจะทราบกันดีว่าโลกของเราในปัจจุบันนี้จำเป็นต้องที่จะต้องอาศัยพลังงานที่ได้มาจาก     ปิโตเลียมเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณคงที่ทราบว่ากว่า ที่ปิโตเลียมนั้นจะกลายมาเป็นปิโตเลียมที่เรานำมาใช้ในปัจจุบัน   นี้นั้นจะต้องผ่านเวลามานานกว่าร้อยล้านปี

เพราะกว่าที่สิ่งมีชีวิตะตายแล้วเกิดการทับถมกันภายใต้ความร้อนและความดันที่ใต้พื้นดินนั้น ต้องใช้เวลายาวนานมากๆ เพราะฉะนั้นการที่เรานำปิโตเลียมมาใช้งานจึงต้องใช้อย่างให้รู้คุณค่ามากที่สุด

แน่นอนว่าปิโตเลียมนั้นมีทั้งบนบกและในน้ำ แต่กินที่เราจะนำน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติที่ได้จาก   ปิโตเลียมมาใช้ไดแล้วนั้น  เราจะต้องผ่านกระบวนการการเจาะสำรวจปิโตเลียมก่อน เพื่อให้เรารู้แน่ว่า จะมี   ปิโตเลียมสะสมอยู่จริงๆ หรือไม แล้วในการเจาะสำรวจปิโตเลียมละจะมีวิธีการเป็นอย่างไรแน่นอนว่าคุณจะต้องเกิดคำถามนี้เกิดขึ้นมา

ในหัวอย่างแน่นอนหลังจากที่เราได้กล่าวมาเมื่อข้างาต้น สำหรับการขุดเจาะ     ปิโตเลียมนั้นเราจะใช้อุปกรณ์ที่มีชื่อว่าก้านเจาะ  ซึ่งจะเป็นแท่นหมุนติดหัวเจาะไว้ที่ส่วนปลายโดยที่จะติดตั้งไว้บนฐานเจาะ ซึ่งจะมีทั้งแบบอยู่กับที่และแบบเคลื่อนที่ได้  โดยที่วิศวกรจะเลือกใช้หัวเจาะที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศของแหล่งปิโตเลียม

แต่ละแห่งอีกด้วย ส่วนกระบวนการเจาะสำรวจแหล่งปิโตเลียมนั้นจะเริ่มจากการใช้ก้านเจาะ  เซอะเข้าไปในหินพร้อมกับอัดน้ำโคลนซึ่งจะประกอบด้วย โคลนผง สารเพิ่มน้ำหนัก ผงเคมี และน้ำลงไปพร้อมกันพร้อมกับ สารหล่อลื้นขณะขุดเจาะ เพื่อป้องกันที่จะไม่ให้ดิน และก๊าซธรรมชาติดันขึ้นมาที่ปากหลุม แล้วน้ำโคลนที่ว่านี้ยังทำหน้าที่ลำเลียงเศษดิน ทรายในหลุมเจาะให้ขึ้นไปยังด้านบนอีกด้วย

และหลายคนอาจจะสงสัยว่าการที่เราขุดหลุมลึกขนาดนี้ทำไมหลุมยังคงตัวอยู่ได้ และนั้นก็เป็นเพราะว่าเราใช้เครื่องมือที่เรียกว่า  “ท่อกรุ” นั้นเอง และเมื่อทำการขุดเจาะเรียบร้อยแล้วขันตอนต่อไปก็คือการทดสอบ     ปิโตเลียม และคำนวณหาจำนวนปิโตเลียมที่มี รวมทั้งศึกษาลักษณะโครงสร้างของแหล่งกักเก็บปิโตเลียม และชั้นหินโดยละเอียด

และเมื่อทำการขุดเจาะแล้วน้ำปิโตเลียมขึ้นมาทดสอบ สิ่งที่เราทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะเราจะทำการออกแบบแท่นและวางแผนการผลิต แล้วสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเราจะต้องดูความคุมค่าในการลงทุนด้วย แต่อย่างไรก็ตามเราอย่าลืมว่าพลังงานที่เราได้มาจากปิโตเลียมนั้นใช้แล้วก็หมดไป

 

สนับสนุนโดย.    Gclub ฟรี 500

หมวกเมฆสีรุ้ง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

อะไรที่เราไม่เคยเห็นเราก็มักจะบอกว่ามันแปลก หมวกเมฆสีรุ้ง และมันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียวและแน่นอนว่าในบางสิ่งบางอย่า

สิ่งที่เราไม่เคยเห็นแล้วมันมาปรากฏขึ้น แต่สิ่งที่จะตามมาทีหลังนั้นมัน  คือหายนะอันยิ่งใหญ่ เราก็ไม่ควรที่จะเจอมันเลยดีกว่า ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงปรากฏการณ์เมฆประหลาดที่หาชมได้ยาก

ที่จะเชื่อได้เลยว่าใครหลายๆคนก็อาจจะยังไม่เคยได้พบเจอมาก่อน  ถ้าหากคุณอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร น่าสนใจมากน้อยแค่ไหนทำความรู้จักกันพร้อมกันเลยดีกว่า 

สิ่งที่น่าสนใจที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะไม่พูดถึงก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวของเราเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยากก็ตาม

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ คือ ปรากฏการณ์เมฆประหลาดที่หาชมได้ยากและรู้สึกประหลาด แน่นอนว่ามันบอกอะไรเราได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องดังกล่าว ก็คือหมวกเมฆ    สีรุ้งนั้นเอง

บางครั้งเมื่อเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเห็นเมฆขนาดใหญ่ที่มีเมฆสีรุ้งบางๆ อยู่ด้านบนคล้ายกับการสวมหมวกนั้น คือ ปรากฏการณ์เมฆหมวกสีรุ้ง  ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่มักเกิดขึ้นก่อนที่จะมีพายุฝนฟ้าคะนองตามมา หมวกเมฆเกิดจากอากาศ ที่ยกตัวขึ้นในแนวดิ่ง และอากาศที่มีความชื้นด้านบน

จึงถูกยกตัวขึ้น และควบแน่นเป็นหยดน้ำเกิดขึ้น เมฆที่ดูเหมือนสวมอยู่บนเมฆอีกชั้น ช่วยคุ้มเกิดจากปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ  ซึ่งคล้ายกับรุ้งกินน้ำหรือพระอาทิตย์ทรงกลด แต่เมฆสีรุ้งจะมีความซับซ้อนกว่า คือจากคุณสมบัติแทรกสอดของแสง  ประโยชน์น้ำหรือผลิตน้ำแข็งขนาดเล็กมากๆ มีขนาดใกล้เคียงสม่ำเสมอกัน

เป็นแนวบางๆไม่หนาจนเกินไป ในระยะห่างกันพอดีให้แสงสีใดสีหนึ่ง ของดวงอาทิตย์แรกสอดแสงเข้ามา  ซึ่งมีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถส่งมาในทิศทางที่เราอยู่ ในขณะที่แสงมีความยาวคลื่นต่างไปเล็กน้อย ก็จะปรากฏในมุมที่ต่างออกไป ถึงสร้างภาพคล้ายสีรุ้งแบบเดียว กับที่เราเห็นบนเปลือกหอยมุกหรือคราบน้ำมันบนผิวน้ำ หรือฟอกนั่นเอง

ซึ่งปรากฏการณ์หมวกเมฆสีรุ้งนี้ เคยเกิดขึ้นที่ประเทศไทยในกรุงเทพฯและเหนือท้องฟ้าภาคใต้ อย่างไรก็ตาม นอกจากหมวกเมฆสีรุ้งแล้ว มันก็ยังมีเมฆในรูปแบบอื่นทีเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ ที่แตกต่างกันออกไปและรูปแบบของมันก็ต่างกัน การเกิดหรือแม้แต่ความรุนแรงในการที่จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอื่นๆที่ตามมาก็ต่างกันอีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.   ยูฟ่าสล็อตเว็บตรง

องคชาติของแมงโหย่ง

นักบรรพชีวินวิทยาได้มีการค้นพบ องคชาติของแมงโหย่ง ซึ่งบางฟอสซิลก็อาจได้รับการไขปริศนาฟอสซิล ก็จะเป็นสิ่งที่ยังคงสร้างความน่าประหลาดใจ

และได้กลายเป็นการค้นพบใหม่ที่น่าทึ่ง สำหรับใครหลายๆคนอยู่และแน่นอนว่ามันยังมีบางฟอสซิล ที่ยังคงเป็นความลับไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้ เป็นปริศนาที่นักบรรพชีวินนั้นพยายามที่จะหาคำตอบเป็นอย่างมาก 

อย่างไรก็ตามการศึกษาเรื่องราวต่างๆไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่และก็มีการสืบทอดมีการศึกษาอยู่ด้วยเรื่อยๆ แน่นอนว่าในอนาคตก็จะได้รับคำตอบอย่างที่เราเองก็คาดไม่ถึงมาก่อนก็ว่าได้

ในอดีตที่ผ่านมานั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มนุษย์โบราณมักจะทิ้งสิ่งต่างๆไว้เบื้องหลัง เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเคยอาศัยอยู่ที่นั่นจริงๆ ในยุคที่ก่อนหน้าที่มนุษย์จะเข้ามาครอบครอง สิ่งต่างๆนั้นแตกต่างออกไปเป็นอย่างมากจึงทำให้การศึกษา เกี่ยวกับยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์นั้น

อาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับใครหลายๆคนเช่นเดียวกันกับนักบรรพชีวินวิทยา ที่ได้มีการศึกษาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับซากฟอสซิลต่างๆแน่นอนได้มีการออกมาพูดถึงแมลงวัน ที่มีการสืบพันธุ์กันและมันก็อยู่ในอำพัน ซึ่งนี้คุณมองว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว แต่ทว่ามันยังคงมีสิ่งที่แปลกกว่านั้นเกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ ก็คือเคสของแมงโหย่ง

ตัวหนึ่งที่มันจะทำให้เราสับสน และเข้าใจผิดคิดว่าพวกมันเป็นแมง  อย่างไรก็ตามแม้นิยมจัดอันดับ organelles ที่มีรูปร่างลักษณะและมีขาเดิน 8 ขา คล้ายกับสัตว์ในกลุ่มแมงมุมตัวผู้ นำพันธุ์นี้ชื่อว่า Halithersesgrimaldii สายพันธุ์ของแมงโหย่ง ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มันจะมีแค่เพียงแมงโหย่ง ตัวผู้เท่านั้น ที่จะถูกเก็บรักษาไว้ได้อำพันเมื่อเกือบ 100 ล้านปีก่อน

อย่างไรก็ตามแมงโหย่ง ตัวผู้ตัวนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการผสมพันธุ์เนื่องจากแมงโหย่ง เก็บรักษาไว้ในขณะที่องคชาติของมัน กำลังตั้งตรงเต็มที่ประมาณครึ่งอธิบายว่ามันมีปลายรูปหัวใจเล็กหน่อยชาติของแมงโหย่ง เป็นส่วนหนึ่งที่แยกพวกมันออกมา จากแมงมุมจากแท้ส่วนใหญ่จะมีอวัยวะพิเศษที่ใช้

สำหรับถ่ายอสุจิในช่องเก็บน้ำเชื้อของตัวเมียแน่นอนว่าอย่าที่เราได้กล่าวไปข้างต้นเกี่ยวกับการศึกษายุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์นั้น  อาจจะเป็นไปได้ยากแต่มันก็สามารถที่เป็นไปได้เพราะว่าเราได้มีการค้นพบซากฟอสซิลต่างๆจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอำพัน ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มันทำให้เราได้ศึกษาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตสิ่งมีชีวิตในยุคต่างๆ

นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร และพวกมันกินอาหารประเภทไหน ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดๆ ซึ่งเรื่องราวที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นถ้าหากคุณสนใจและอยากที่จะทำการศึกษาสิ่งต่างๆเหล่านี้ต่อเวล าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยเพราะว่าเราสามารถศึกษาค้นหาข้อมูลต่างๆภายในอินเตอร์เน็ต

 

สนับสนุนโดย.   ufa slot เกมไหน แตกง่าย

จาร์ไกลออนคือสัตว์ที่ได้จากการผสมข้ามสายพันธุ์

จาร์ไกลออน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาบนโลกของเรา  หรือแม้แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนอกโลกของเรานั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าสงสารไม่น้อยเลยทีเดียว 

สำหรับสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้หลายคนก็คงอาจจะยังไม่เชื่อว่ามันเกิดขึ้นมาจริงๆแต่ไม่เชื่อ  ก็คงต้องเชื่อแล้วแหละอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าโลกของเรานั้นที่ถือกำเนิดขึ้นมานานมากแล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตอีกด้วยสิ่งมีชีวิตนั้นก็มีหลายร้อยหลายพันชนิด

หรือว่าเป็นหลายชนิดเลยก็ว่าได้ถ้าหากว่าเราจะมาพูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต ทั้งวันก็คงจะพูดไม่หมดเพราะว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมันก็มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันถึงแม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน  อย่างไรก็ตามหากคุณอยากจะรู้ว่าเรื่องราวที่เรากำลังพูดถึงต่อไปนี้มันเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตชนิดไหน  แล้วมันมีความน่าสนใจมากมายเพียงใดต้องลองปรึกษาและติดตามมันพร้อมกัน 

คุณรู้หรือไม่ว่าต่อให้เป็นนักวิทยาศาสตร์นักสำรวจที่เก่งแค่ไหนแต่ก็ยังคงมีบางเรื่องเราอยู่ดีที่ว่าเขาไม่สามารถศึกษาและหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ซึ่งในวันนี้แน่นอนว่าเรื่องราวที่เรากำลังจะพูดถึงมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ลูกผสมที่คุณอาจจะไม่เคยได้รับรู้มาก่อนหรือว่าเมื่อคุณได้รับรู้คุณก็อาจจะไม่เชื่อเลยว่ามันมีสิ่งมีชีวิตที่ว่าดีอยู่จริงบนโลกของเรา

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะว่ามันเกิดขึ้นจริงๆสำหรับเรื่องราวที่เรากำลังพูดถึงต่อไปนี้มันจะเข้ากับสัตว์ลูกผสมที่มีชื่อว่าจาร์ไกลออน  นั่นเอง จาร์ไกลออน คือสัตว์ที่ได้จากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างเสียใจตัวผู้  และสิงโตตัวเมียนี่เป็นอีกหนึ่งการผสมข้ามสายพันธุ์ที่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริงในปี 2006

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ที่รัฐออนตาริโอประเทศแคนาดาและจับคู่ระหว่างเสือจากัวร์ ตัวผู้และสิงโตตัวเมียจนให้กำเนิดสัตว์สายพันธุ์ผสมอย่างจากเลือดออกมาลักษณะของสัตว์ชนิดหนีจะมีสีผิวที่ค่อนข้างดำมีลายจุดเหมือนเสือจากัวร์ แต่จะมีลักษณะตัวที่ใหญ่แบบสิงโตด้วยรูปร่างที่ใหญ่แบบสิงโตมีลายจุดและขนสีดำทำให้สัตว์เลือดผสมนี้ดูน่าเกรงขามมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสัตว์รูปผสมนั้นยังมีอะไรให้เราได้ศึกษากันอยู่อีกมากมาย

ซึ่งเรื่องราวที่เราได้พูดไปข้างต้นนั้นก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆน้อยๆที่เราอยากจะนำเสนอให้ทุกคนได้รับรู้ว่านอกจากสัตว์ที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติและมีการผสมพันธุ์ในสายพันธุ์ของมัน  ก็ยังมีการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์อีกด้วยทำให้มีสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆที่ถือกำเนิดขึ้นมาแต่ทว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆเหล่านั้น จะสมบูรณ์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอีกเครื่องหนึ่งรูปร่างภายนอกอาจจะสมบูรณ์ แต่ลักษณะภายใน  อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยรวมถึงว่าพวกมันในบางชนิดก็ไม่สามารถที่จะสืบพันธุ์ได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เว็บพนันบอลฝากขั้นต่ำ 100