เรื่องราวของเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Minerve (S647)

มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก  เรื่องราวของเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องราวที่น่าสนใจในปัจจุบันก็คงจะหนีไม่พ้น  เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆที่มีความทันสมัยเรื่องราวของเทคโนโลยีและนวัตกรรม  ที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้มัน  ก็คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำนั่นเอง

เรือดำน้ำนั้นได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่ในวันนี้เราจะไม่ได้พูดถึงความสำเร็จของเรือดำน้ำ แต่อย่างใดแต่ว่าเราจะมาพูดถึงหายนะ  ของดำน้ำที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก 

มีสิ่งที่น่าสนใจที่เราอยากจะทำความรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับมัน  เรื่อง เรือดำน้ำเราเคยได้ยินกันเป็นอย่างดี  แน่นอนว่าการที่เราจะไปศึกษาสิ่งต่างๆที่อยู่ใต้ทะเลลึกลงไปได้  เราอยากจะเห็นกับตาของตัวเองแน่นอนว่า  เราจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยเรือดำน้ำ  แต่ถึงแม้ว่าเรือดำน้ำจะมีขนาดใหญ่  และมีการศึกษาทดลอง  ความปลอดภัยมามากมายแค่ไหนแล้ว

  แต่ว่าความผิดพลาดก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกันกับ  เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำ  ที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้  เรือดำน้ำของประเทศฝรั่งเศส  ที่สูญหายไปนอกชายฝั่งทางใต้  พร้อมกับลูกเรือ 52 คน ขณะกำลังเดินทางกลับผ่าน    ที่ท่าเมืองโตรอนโต  ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย เมื่อวันที่ 17 มกราคมปีค.ศ 1968

และได้มีการพยายามค้นหา  มานานหลายปี  แต่ก็คว้าน้ำเหลว  จนกระทั่งฟอเรน พาลี  รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส ประกาศภารกิจ ค้นหาครั้งใหม่  เมื่อต้นปีค. ศ. 2019 โดยระดมเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเรือของกองทัพเรือหลังจากญาติผู้สูญเสียรณรงค์เรียกร้องอีกครั้ง ให้หาตรงพิกัดสุดท้าย ก่อนการหายไป

ทีมผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศส ได้มีการทำแผนจำลองกระแสน้ำขึ้นน้ำลง ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตกในช่วงที่เรือดำน้ำสูญหายไปและข้อมูลแผ่นดินไหว ในช่วงที่บ่งว่า  หากมีการระเบิดของเรือ จะจมลงก้นทะเลอย่างไร และในที่สุดเรือค้นหาจากบริษัท Ocean Infinity  ของสหรัฐอเมริกา  ที่ติดตั้งโดนใต้น้ำและกล้องแรงสูง ที่สามารถบันทึกภาพใต้ทะเลลึก 6000 เมตรประสบความสำเร็จ

ในการค้นหาเรือ Minervr (S647) ที่ความลึก 2,730 เมตร การพบจุดเรือจมสร้างความยินดี แก่ครอบครัวที่รอคอยมาครึ่งศตวรรษ  และหวังว่าอาจจะช่วยแก้ไขปริศนา สาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนั้นได้  สาเหตุที่คาดการณ์มีตั้งแต่ระบบออกซิเจนขัดข้อง  ปัญหาหางเสือชนกับเรืออีกลำหรือถูกโจมตีด้วยจรวดได้น้ำ หรือตอปิโด

นอกจากสิ่งที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว  มันก็ยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายที่มีความน่าสนใจเกี่ยวกับเรือดำน้ำลำนี้  ก่อนที่มันจะจมลงไปใต้ดิน  ยังไงก็ตามถ้าคนสนใจอยากที่จะทำความรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับมันเพิ่มเติมไปแล้ว  ก็มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสำหรับในยุคปัจจุบัน 

 

สนับสนุนโดย.    ufabet ทางเข้าเล่น

มือถือและสมาร์ทโฟน

อวัยวะที่ 33 ของมนุษย์นั้นคืออะไร  แน่นอนว่ามันต้องเป็น Smartphone อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ที่ไหนก็อยู่ติดตัวกับเราอยู่ตลอดเวลา  เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ผ่านสมาร์ทโฟนสามารถทำงานผ่านกันได้  ต่อให้เราจะอยู่ไกลกันแค่ไหน

ข้ามทวีปเราก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนในการสื่อสารกันได้  วันนี้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมือถือและสมาร์ท และเรื่องราวที่เราจะพูดถึงในวันนี้มันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติของมือถือสมาร์ทโฟน ที่คุณได้ดูแล้วอาจจะต้องอึ้ง

ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนทำอะไรอยู่สมาร์ทโฟน ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอวัยวะในร่างกายของเราเลยก็ว่าได้  แต่แน่นอนว่ากว่าที่จะมีสมาร์ทโฟน หรือว่ามือถือ ที่มีขนาดที่เล็กพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกขนาดนี้  มันก็ผ่านการพัฒนาต่อยอดมานานหลายปี  เพราะอยากให้ทุกคนก็เคยเห็นตามอินเทอร์เน็ตว่าโทรศัพท์มือถือ

ในช่วงยุคแรกๆที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น  มันมีขนาดที่ใหญ่แค่ไหน ซึ่งอวัยวะที่ 33 ของคนเราอย่างมือถือ  รู้ไหมว่ามันมีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุค 60 ซึ่งยุคนั้นเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ในรถยนต์และต้องอาศัยแบตเตอรี่รถตลอดเวลา  ต่อมาในปี 1973 ผู้พลิกตำนานในการสื่อสารแบบไร้สายก็คือ Motorola ที่ผลิตโทรศัพท์แบบเซลลูล่าเครื่องแรก  โดยใช้เวลาชาร์จ 10 ชั่วโมง

และเปิดเครื่องรอรับสายได้นาน 30 นาทีสนนราคาในตอนนั้นอยู่ที่เรา 130,000 บาท แต่รุ่นที่วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ครั้งแรกคือ Motorola dynatac thousand x ด้วยตัวเครื่องยาว 30 cm 30 cm และน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งในยุคนั้นถ้าใครหยิบขึ้นมา ก็ถือว่าโก้จริงๆ

  ส่วนมือถือที่ได้ชื่อว่าเป็น Smartphone เครื่องแรกก็คือไซม่อน Communication ของ ibm ที่เปิดตัวในปี 1992 ด้วยคุณสมบัติสุดในยุคนั้น  เพียบพร้อมไปด้วยสมุดบันทึก เครื่องคิดเลข นาฬิกา อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงอีเมล  อย่างไรก็ตามมือถือได้พัฒนาให้ก้าวสู่ความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น  ประวัติศาสตร์เทคโนโลยีโลกอย่างแท้จริงในปี 2007

เมื่อบริษัท Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกและแน่นอนว่าวงการ Smartphone ยังมีอะไรออกมาให้สัมผัสได้เรื่อยๆอีกเพียบเลยอะไรก็ตาม เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันนี้  เราไม่สามารถที่จะละสายตาได้เลย

  แม้แต่วินาทีเดียวยิ่งในยุคปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ มีมากมายหลากหลายรุ่นแต่ละบริษัทที่ผลิตออกมาก็ผลิตออกมาในปีละ 3-4 รุ่นบางบริษัทก็ผลิตมือถือ มีมากมายหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกซื้อกัน  หลายคนอาจจะชอบความคงทนและคนอาจจะชอบการใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล

 

สนับสนุนโดย.    ufabet ทางเข้าเล่น

กล้องทะลุเสื้อผ้าของ Sony Playstation

ต่อให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่  หรือต่อให้เป็นบริษัทที่เล็กๆ ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมา  ความผิดพลาดต่างๆก็มีเกิดขึ้นที่เราได้เห็น  และได้เรียนรู้ศึกษากันอยู่ตลอดเวลา

แน่นอนว่าหากเป็นบริษัทใหญ่ก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วแต่ทางว่าเป็นบริษัทเล็ก ที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์ในเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ก็อาจจะต้องใช้ความพยายามหน่อย  แต่พวกเราที่เรากำลังพูดถึงต่อไปนี้นั้น  เป็นเรื่องราวของบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมันเป็นความผิดพลาดที่ทางบริษัทเอง  ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น  ถ้าคุณอยากจะรู้ว่ามันคืออะไรจะติดตามและศึกษามันพร้อมกัน

เส้นทางการจัดตั้งบริษัทของ Sony นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบกว่าที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จและผ่านอะไรมามากมาย 

ขณะนี้นั้นพวกเขาก็ต้องพบกับปัญหาต่างๆมากมายที่เข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน  ซึ่งในวันนี้ถึงแม้ว่าบริษัทที่จะประสบความสำเร็จแล้ว  แต่ทว่าพวกเขาก็ยังมีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้เราได้เห็นกันอยู่อย่างเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่เรากำลังจะพูดถึงซึ่งมันเกิดขึ้นในปี 1980

นี้ได้มีการจัดจำหน่ายกล้องบันทึกวีดีโอที่ผสมผสานเทคโนโลยีอินฟราเรดเข้าไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการถ่ายวีดีโอในที่มืดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว   ด้วยประสิทธิภาพนี้ทำให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดเพราะมันสามารถถ่ายวีดีโอทะลุเสื้อผ้าที่มีสีเข้มได้จน 

ทำให้สามารถมองเห็นเนื้อหนังมังสา ของผู้สวมใส่ทำให้ทาง Sony ต้องเรียกคืนสินค้าตัวนี้ เป็นการด่วนแต่ ณ เวลานั้นมันได้ถูกทำลายไปแล้วกว่า 7 แสนเครื่อง แน่นอนว่าต่อให้จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แค่ไหน  แต่ก็ยังคงมีเรื่องผิดพลาดให้เราได้เห็นกันอยู่ดี

  นอกจากบริษัท Sony กับตัวอย่างดังกล่าวนี้แล้ว  มันก็ยังมีบริษัทอื่นๆทั่วโลกที่ก็เคยผ่านความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อนแต่ว่าความผิดพลาดก็อาจจะแตกต่างกันออกไป  อย่างไรก็ตามใครจะไปคิดว่าการที่เราผลิตเครื่องเล่น playstation ออกไปจำหน่ายให้ผู้คนทั่วโลกได้เล่นกัน

  สิ่งที่ตามมามันจะกลายเป็นกล้อง  ที่สามารถถ่ายทะลุเสื้อผ้าได้จนทำให้ทางบริษัทโซนี่  ได้เรียกคืนสินค้าทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว  แต่แน่นอนว่าเมื่อเกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นแล้วทาง Sony ก็ไม่ได้หยุดนิ่งเฉย  พวกเขาเร่งและพยายามเป็นอย่างมากที่จะหยุดจำหน่ายและเรียกคืนสินค้าลดความเสียหายต่อผู้บริโภค

  ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าเรื่องราวต่างๆเหล่านี้มันมีอะไรอีกบ้างที่เกี่ยวข้องก็ลองศึกษามันดู ความผิดพลาดในครั้งนี้เป็นสิ่งที่จะย้ำเตือนทั้งพนักงาน คนออกแบบ และผู้บริหารของโซนี่ได้เป็นอย่างดีว่า  ก่อนที่จะจำหน่ายสินค้าตัวไหนจำเป็นที่จะต้องตรวจดูทุกอย่างให้ดีก่อน

 

สนับสนุนโดย.   สล็อต ufabet เว็บตรง

Xenobots หุ่นยนต์มีชีวิตขยายพันธุ์เองได้

นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการสร้างหุ่นยนต์มีชีวิตที่สามารถขยายพันธุ์หรือว่าเพิ่มจำนวนได้เองค่ะหุ่นยนต์นี้มีชื่อว่า  Xenobots    จริงๆแล้ว Xenobots   ไม่ได้เป็นแค่หุ่นยนต์ธรรมดาธรรมดานะคะ  Xenobots   จัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกปรับแต่งอยู่ว่าเพราะว่าตัวเองสร้างมาจากเซลล์ของสิ่งมีชีวิตจริงๆนั้นก็คือเซลล์ผิวหนังและเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจของกบค่ะซึ่งในตอนแรกทาง

        นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ก็ได้ตั้งสมมุติฐานว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนของตัวเองคล้ายกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่จากนั้นพวกเขาก็ทำการทดสอบนะคะและการปล่อยให้เหล่า Zenith รุ่นแรกว่าอยู่ในแอ่งที่เต็มไปด้วยสเต็มเซลล์ของกบ

ซึ่งจากการทดลองพบว่ารุ่นแรกนั้นจะค่อยๆรวบรวมเซลล์ของกบรอบตัวให้กลายมาเป็นก้อนขนาดเท่ากับตัวของสโนว์บอร์ดเองค่ะและไม่นานนักก็เรานั้นก็เริ่มงอกเส้นใหญ่แล้วเคลื่อนไหวได้เหมือนกับรุ่นแรก 

    นั่นหมายความว่าหุ่นยนต์นี้สามารถที่จะลองตัวเองได้จริงตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้ค่ะและกระบวนการสร้างชุดใหม่นี้ก็ยังใช้เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับกระบวนการเกิดใหม่ของสิ่งมีชีวิตบนโลกค่ะชื่อของฟิวเจอร์บอร์ดถูกประกาศครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วนะคะเดี๋ยวเรานิยามว่ามันเป็นหุ่นยนต์ที่มีชีวิตเป็นสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นเกิดจากการนำเซลล์ตัวอ่อนของกบจำนวน 230 เซลล์มารวมกันเป็นกลุ่มมีขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตรค่ะโดยเจ้าหุ่นยนต์นี้จะไม่มีระบบย่อยอาหารหรือว่าเซลล์ประสาทนะคะ

        นอกจากนั้นจะกระจายไปเองตามธรรมชาติหลังเวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะดังนั้นการค้นพบครั้งนี้ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆนะคะของวงการหุ่นยนต์และชีววิทยาในอนาคตโดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเราอาจจะพัฒนาหุ่นยนต์ Robot นี้และประยุกต์ใช้งานทางการแพทย์เช่นการสร้างเซลล์บอทที่สามารถรวบรวมและสร้างเซลล์ตับอ่อนชุดใหม่ที่หลั่งอินซูลินออกได้เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือว่าทำได้จริงก็คงเป็นการพลิกโฉมวงการอัศจรรย์เลยทีเดียวค่ะ 

        ปัจจุบันในหลายประเทศให้ความสำคัญกับการพัฒนาและผลิตหุ่นยนต์ให้มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด เพื่อที่จะได้นำหุ่นยนต์มาใช้งานแทนมนุษย์ จะเห็นได้จากตอนนี้มีการสร้างหุ่นยนต์ที่รูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์แล้ว และที่สำคัญหุ่นยนต์เหล่านั้นสามารถทำหน้าทีของตัวเองได้ดีเทียบเท่ากับมนุษย์เลยทีเดียว

      อย่างไรก็ตามการที่เราพัฒนาและผลิตหุ่นยนต์ขึ้นมาเพื่อหวังให้มันมาทำหน้าที่บางอย่างแทนคนเราได้นั้นก็มีผลเสียเหมือนกัน เพราะหากหุ่นยนต์ทำได้ทุกอย่าง เหมือนกับคนทั่วไป ไม่แน่ว่าสักวันหุ่นยนต์เหล่านั้นอาจจะมาแย่งงานของมนุษย์ทำและทีนี้จะมีคนตกงานมากมายอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   ทีเด็ด เว็บบอลนอก

เส้นทางของ Nokia ก่อนเข้าสู่การผลิตโทรศัพท์

โทรศัพท์มือถือนั้นแน่นอนว่าในปัจจุบันนี้  มันเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากและอดีตมีบริษัทต่างๆมากมายที่ให้บริการในการผลิตมือถือ  แต่แน่นอนว่าบางบริษัทก็ประสบความสำเร็จบางบริษัทก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังเอาไว้นัก 

แต่แน่นอนว่าบริษัทดังกล่าวถึงนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและบริษัทดังกล่าว ก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อีก 1 บริษัทที่มีอยู่บนโลกของเราซึ่งบริษัทดังกล่าวก็คือบริษัท Nokia นั่นเอง 

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่ามันจะมีกี่บริษัท การที่จะสามารถอยู่รอดมาได้จากในช่วงสงครามโลกไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้แต่สงครามไหนก็ตาม  แต่แน่นอนว่าบริษัทที่ชื่อว่า Nokia นั้นอยู่ได้เส้นทางกว่าที่ Nokia จะมาเข้าสู่การผลิตโทรศัพท์ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในวันนี้สิ่งที่เราจะพูดถึงเราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กัน

ก่อนที่จะเข้าสู่การผลิตโทรศัพท์รีบ 1918 โดยเซียประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก จนจะไหม้บริษัทฟีนิกส์ รับเบอร์เวิร์คส์ที่เป็นบริษัทผลิตสินค้าเกี่ยวกับยางในเข้ามาซื้อหุ้นของ Nokia จนกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และต่อมาในปี 1922 บริษัทเคมเวิร์คที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสายเคเบิลให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Nokia กรุ๊ปทำให้พวกเขามีชุดคิทหลักอยู่ 3 ประเภท

คือธุรกิจกระดาษอย่างและสายเคเบิลจากนั้นในปี 1977 นายแครี่ ไคละโมบ  ประธานบริษัทในเวลานั้นได้พาบริษัทมุ่งเน้นไปที่การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีวี  ซึ่งพวกเขาเคยเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของยุโรปดีๆและเมื่อเข้าสู่ทุกการบริหาร  ของนายโจมาเขาก็ได้นำพาบริษัทให้มันทุ่มเทกับการผลิตโทรศัพท์เป็นหลัก แน่นอน  Nokia นั้น คือ บริษัทที่ผลิตโทรศัพท์ ระดับโลกเลยก็ว่าได้  แต่กว่าการที่พวกเขาจะได้มาผลิตโทรศัพท์นั้น  มันก็มีเส้นทางเดินที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ  ไม่ใช่ว่าพวกเขาคิดที่จะทำแล้วก็ทำมันได้เลย  เพราะเขาจะต้องอาศัยระยะเวลาความพร้อมในหลายๆด้าน  แน่นอนว่าทุกบริษัทจะต้องพบเจอกับวิกฤตปัญหาต่างๆที่เข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน

  จะต้องมีการวางแผนแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างทันท่วงทีอย่างไรก็ตามแน่นอนว่า   เมื่อพวกเขาผ่านมันมาได้แล้วมันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆกับการที่เขาจะลงทุนในการทำธุรกิจต่างๆให้ประสบความสำเร็จ   อย่างไรก็ตามเรื่องราวของบริษัท Nokia ความเป็นไปเป็นมาของบริษัทดังกล่าวนี้มันมีจุดเริ่มต้นขึ้นมาได้อย่างไร 

คุณรู้หรือไม่ว่าบริษัทดังกล่าวนี้ได้มีการก่อตั้งขึ้นในช่วงที่กำลังมีสงครามโลกครั้งที่ 1 และถึงแม้ว่าสงครามจะรุนแรงแค่ไหนบริษัทดังกล่าวนี้   ก็สามารถอยู่รอดมาได้เนื่องด้วยว่าพวกเขามีธุรกิจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า  ซึ่งสมัยนั้นไฟฟ้าและพลังงานเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากและแน่นอนว่าความพยายามของทางผู้บริหาร  และลูกน้องในบริษัทต่างก็ช่วยกันพยายามดูแลประคับประคองให้กิจการสามารถอยู่รอดได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   ufabet เว็บไหนแตกดี

ความผิดพลาดของ Nokia

บนโลกใบนี้ใครเกิดมาไม่เคยผิดพลาด  ความผิดพลาดของ Nokia แน่นอนว่ามันไม่มี  ก็คนล้วนแล้วแต่มีความผิดพลาดในใจ  ที่จะจำฝังใจไปตลอดชีวิต  เป็นความผิดพลาดดังกล่าวนั้นจะเป็นความผิดพลาดที่เล็ก

หรือว่าจะเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่แน่นอนว่าคนทุกคนเกิดมาบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีความผิดพลาดที่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น  แต่แน่นอนว่าเมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้วเราควรที่จะเก็บความผิดหวังความเสียใจความผิดพลาดดังกล่าวมาศึกษาพัฒนาต่อยอดให้มันดีขึ้นในครั้งต่อๆไปสิ่งนี้จะไม่ดีกว่าหรือ

ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนไม่ว่าจะเคยประสบความสำเร็จมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว  แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามนุษย์ก็ย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา   ต่อให้เราจะมองว่าเราเก่งแล้วเราไม่ผิดพลาดหรอกเราสามารถที่จะทำได้แต่แน่นอนว่า  ถ้าลงมือทำจริงมันไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่เราคาดหวังเราก็ไม่ควรที่จะเสียใจหรือว่าจมปลักอยู่กับมันนานแล้วเก็บความเสียใจ

  และเก็บความผิดพลาดนั้นมาพัฒนาต่อยอดให้มันได้ดีขึ้นสิ่งนี้ก็จะถือว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว  ในวันนี้เรื่องราวที่เราจะพูดถึงเราจะมาพูดถึงความผิดพลาดของ Nokia กันในช่วงต้นของยุค 2000 Nokia ถือเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการมือถือในการพัฒนามือถือในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งยังใช้ระบบปฏิบัติการ symbian ที่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมากในเวลานั้นแต่ลูกก็ไม่อยู่เท่านี้

โดยที่พวกเขามองว่า  โลกในยุคต่อไปมือถือจะหลอมรวมเข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วมันจะกลายเป็นยุคที่ส่งต่อข้อมูล www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ ซึ่งกันและกันจึงทำให้ในปี 2005 เขาได้พัฒนาโครงการ maemo ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในโลกอนาคต  แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควรจนกระทั่งในปี 2007 แอปเปิลเปิดตัวไอโฟนตัวแรกสู่สาธารณชนซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการมือถือก็เลยทีเดียว

และต่อมาในปี 2008 เครื่องก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android ที่ได้รับผลตอบรับดีเช่นเดียวกันทำให้ทางเลือกของ Nokia ในเวลานั้นมีอยู่ไม่กี่ทางคือการเลือกใช้ symbian ต่อไปคือการพัฒนาเมมโม่ ให้ดีกว่านี้ซึ่งสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะใช้ symbian ต่อไป  ซึ่งมันก็ไม่อากรกับ iOS และ Android ได้ แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แค่ไหนก็ล้วนแล้ว

แต่จะต้องมีอุปสรรคเข้ามาทั้งสิ้น   แต่แน่นอนว่าความผิดพลาดครั้งนี้คุณนกเอี้ยงก็ถือได้ว่าเป็นการมองที่ผิดพลาดไปเป็นอย่างมาก 

แน่นอนว่าหลังจากที่ทาง Apple ได้เปิดตัว iPhone และระบบ iOS และทาง Google ได้เปิดตัว Android มันทำให้ความนิยมของ Nokia กรดลงไปเป็นอย่างมากต่อเนื่องมาจนถึงในปัจจุบันนี้  อย่างไรก็ตามเรื่องราวดังกล่าวนี้มัน   ยังมีความลึกลับซับซ้อนอีกมากมายที่เรายังไม่ได้นำมาพูดให้ทุกคนได้รับรู้กัน  ถ้าหากอยากที่จะศึกษารายละเอียดเรื่องราวเหล่านี้ต่อได้แล้วก็ลองไปศึกษาค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู 

ประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวของ ซอมบี้ Zombie

ถ้าพูดถึงซอมบี้กันปัจจุบันเราน่าจะรู้กันดีว่าเราหมายถึงศพที่ฟื้นกลับขึ้นมามีชีวิตและก็เดินได้อะไรต่างๆ gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20  อาจจะเดินบ้างวิ่งบ้างและจะมีจุดรวมกันคือมันจะเข้าไปกัดคนอื่นแล้วก็ปล่อยเชื้อซอมบี้ไปคนที่ถูกกัดทำให้เป็นซอมบี้ต่อๆกันไปเรื่อยๆแต่รู้หรือไม่ว่าใน เรื่องราวของ ซอมบี้ ถือว่าเป็นความเชื่อของคนกลุ่มนึงแล้วก็มีความเกี่ยวพันธ์ไปถึงเทพเจ้าของคนกลุ่มนั้นเลยทีเดียว

ดังนั้นถ้าเราจะมาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของซอมบี้กันเราจะต้องเริ่มจากศพที่ลุกขึ้นมาเดินได้ก่อนถามว่ากลุ่มคนไหนในโลกที่เป็นกลุ่มคนแรกที่เชื่อเรื่องศพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ลุกขึ้นมาเดินได้ต้องย้อนกลับไปยาวนานมาก ในสมัยกรีกโบราณเลยทีเดียว

ซึ่งถามว่าเขารู้กันได้อย่างไงก็ต้องบอกว่าเขารู้กันได้จากการที่นักโบราณคดีไปขุดค้นหลุมศพของกรีกโบราณแล้วเขาเจอว่าบางหลุมมันมีความเชื่อที่เอากินทับหลุมศพเอาไว้ถามว่าทับเอาไว้ทำไมทับไม่ให้คนในหลุมลุกขึ้นมาคือเขากลัวว่าศพนั้นจะลุกขึ้นมาได้

เพราะฉะนั้นแล้วนี่ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าตั้งแต่สมัยโบราณเขาก็มีความกลัวกันอยู่แล้ว

ถ้ามีศพลุกขั้นมาเดินได้มันอัตรายมากจริงๆอย่างไรก็ตามความเชื่อนั้นมันเป็นเพียงความเชื่อศพที่จะลุกขั้นมาเดินได้ยังไม่เกี่ยวข้องกับซอมบี้ในความเชื่อของซอมบี้จะมากับกลุ่มคนอีกกลุ่มนึงแล้วแบบนี้ซอมบี้มีที่มาจากไหน

โดยต้องบอกว่าถ้าไปดูOxford dictionary ก็จะเห็นคำว่าซอมบี้ถูกบันทึกเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกเมื่อปี 1819 ประมาณ 200 กว่าปีมากแล้วที่สำคัญเขาบันทึกไว้มีที่มาจากภาษาแถบแอฟริกาตะวันตกโดยคำนี้เกี่ยวข้องกับคำทั้งหมดสองคำด้วยกันคำแรกคือคำว่า Zumbi แปลว่าเครื่องราง

ส่วนคำที่สองสันนิฐานว่ามาจากnzambiแปลว่าเทพเจ้าแล้วถามว่าเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องคือเทพเจ้าองค์ไหนก็ต้องบอกว่าเขาเป็นเทพเจ้าองค์นึงในศาสนาของ voodoo หลายคนก็คงเคยได้ยินคำว่า voodoo จากตุ๊กตา voodoo ที่เป็นการทำไสยศาสตร์มนต์ดำอะไรต่างใส่ลงไปในตุ๊กตาพอเอาเข็มไปจิ้มที่ตุ๊กตามันก็จะไปเจ็บที่คนโดยทำคุณไสยใส่

ซึ่งนี่แหละvoodooเป็นศาสนาในแถบแอฟริกาโดยจะเป็นศาสนาไสยศาสตร์ความเชื่อมนต์ดำอะไรแบบนี้ในศาสนาก็มีเทพเจ้าอยู่องค์นึงเป็นเพทเจ้างูโดยมีชื่อเต็มว่าDamballaหรือมีอีกชื่อว่าZombieนั่นเอง

การบังคับใช้ internet explorer ในเกาหลีใต้

internet explorer ในเกาหลีใต้ บางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล  บางสิ่งบางอย่างค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป  ในโลกสมัยใหม่นี้มีหลายสิ่งหลายอย่าง  ที่เชื่อได้เลยว่าใครหลายคนจำเป็นต้องเรียนรู้   เกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก  บางอย่างเราอาจจะไม่คุ้นชิน   แต่แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องทำให้มันคุ้นชิน

  เพราะในอนาคตมันจะเข้ามามีบทบาท  และมีส่วนร่วมกับการดำรงชีวิตอยู่ของเรา  มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้แน่นอนอย่างไรก็ตามถึงแม้ในช่วงแรก  มันจะยากแต่เชื่อได้เลยว่าถ้าหากเราลองพยายาม  และปรับตัวดูมันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว 

แน่นอนว่าเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป  หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป  ด้วยเช่นเดียวกัน

  ไม่เว้นแม้แต่ Browser  ที่ให้บริการในด้านต่างๆ  เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เรากำลังพูดถึงต่อไปนี้   หลายคนรู้จัก Browser ที่เป็นตัว E สีฟ้า  ซึ่งมันก็คือ internet explorer นั่นเอง  แน่นอนว่าอินเทอร์เน็ตดังกล่าวนี้  มันอยู่คู่กับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค  ของเรามาเป็นเวลา 25 ปี  แต่ในอีกไม่นานสิ่งนี้ก็คงจะกลาย  เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น 

เพราะว่ามันใกล้จะปิดตัวลงแล้ว  ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมี Google Chrome หรือ Safari Browser หลักของใครหลายคนอาจจะไปช้อปปิ้งในเกาหลีใต้  อาจจะเซ็งเป็ดได้เนื่องจากในช่วงปลายยุค 1990 รัฐบาลเกาหลีใต้  บัญญัติกฎหมายด้านความปลอดภัยออกมาว่า  การทำธุรกรรมกับธนาคารและการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์  ต้องทำผ่าน internet explorer อย่างเดียว

  เพราะเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่นั่น  ต้องใช้งานผ่าน Active X บราวเซอร์อื่น  ใช้งานไม่ได้ในปัจจุบันจะมีคนออกมาร้องเรียนก็ตาม  แต่เหมือนจะไม่เวิร์คโดยรัฐบาลและธุรกิจยักษ์ใหญ่  ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ปลอดภัย  เพราะไม่ได้ทำผ่าน Active X นั้นเอง  อะไรก็ตามโลกของเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาบนโลกของเราใบนี้  เราควรที่จะทำความรู้จักและศึกษาเกี่ยวกับมันเอาไว้  ต่อให้มันจะมีประโยชน์กับชีวิตเราน้อยมากแค่ไหนก็ตาม  

ถ้าหากว่าเรามัวช้าอยู่แล้วก็อาจจะตามคนทั้งโลกไม่ทันเลยก็ว่าได้     ดังนั้นแล้วเรื่องราวของอินเทอร์เน็ตอุปกรณ์ไอทีต่างๆ   เทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเราเราควรที่จะทำความรู้จักเกี่ยวกับมันดู  แน่นอนว่าสำหรับเบราว์เซอร์ internet explorer นั้นถึงแม้มันจะปิดตัวลง 

  แต่ใช้ได้เลยว่ามันก็ยังคงเป็นตำนาน  และอยู่ในใจของใครหลายๆคน   พูดมาแล้วก็น่าใจหายไม่น้อยเลยทีเดียวว่าสิ่งที่อยู่กับเรามาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร  สิ่งนี้มันจะหายไปซึ่งเรื่องราวที่เราได้กล่าวไปนั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง  ที่อยากจะพูดถึงก่อนที่เราจะไม่ได้เห็นเจ้าสิ่งนี้อีก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   Ufabet เข้าสู่ระบบ

หัวหน้าหน่วยไซเบอร์ของอังกฤษ เปิดเผยว่ารัสเซียเป็นฐานที่มั่นในการโจมตีด้วย ransomware

หัวหน้าหน่วยไซเบอร์ของอังกฤษ  หากพูดถึงคำว่าransomware เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักหรือไม่ค่อยคุ้นชินกับคำนี้มากนักแต่ถ้าหากเราพูดเป็นภาษาไทยตรงตัวก็คือซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยี

สำหรับransomware  ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงมากอยู่ในขณะนี้ในวงการอินเทอร์เน็ตหรือในโลกออนไลน์    

    ซึ่งทางด้านหัวหน้าฝ่ายไซเบอร์ของประเทศอังกฤษได้ออกมาพูดถึงransomware  เกี่ยวกับว่าในขณะนี้ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการถูกransomware   หรือก็คือการเข้าไปโจรกรรมข้อมูลในซอฟต์แวร์เพื่อทำการเรียกค่าไถ่นั่นเองซึ่งในขณะนี้มีหลายประเทศทั่วโลกมาก

ที่กำลังประสบปัญหาด้านนี้และยังไม่สามารถที่จะทำการแก้ไขได้ทางด้านหัวหน้าหน่วยงานศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยของไซเบอร์ของประเทศอังกฤษได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่ามันคือใครคุกคามที่ร้ายแรงมากที่สุดในโลก

       ซึ่งตอนนี้แม้แต่ประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นๆก็ต้องเผชิญกันเนื่องจากในยุคปัจจุบันนั้นการสื่อสารการทำธุรกิจต่างๆต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตแล้วต้องใช้งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คดังนั้นมันไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้เลยเกี่ยวกับเรื่องของการนำข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลละเอียดอ่อนจัดเก็บลงไว้ในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและทำให้เกิดความเสี่ยงสูงที่จะมีการโจรกรรมมูลเหล่านี้เพื่อนำออกไปขาย    

อย่างไรก็ตามทางด้านหน่วยงานไซเบอร์ของประเทศอังกฤษมองว่าสถานที่ตั้งมั่นของกลุ่มนักกีฬากรรมข้อมูลผ่านทาง Social หรือransomwareนั้น

น่าจะอยู่ที่ประเทศรัสเซียเป็นหลักซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ในการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดของโลกและสถานที่ใหญ่รองลงมานั้นก็น่าจะเป็นประเทศเกาหลีเหนือรวมถึงอิหร่านและประเทศจีนตามลำดับโดยปกติแล้วถ้าหากว่าจะต้องมีการโจรกรรมข้อมูลผ่านทางคอมพิวเตอร์นั้นทาง Hacker จะมีการแทรกซึมเข้าไปในองค์กรที่ตนเองเกลียดจะจดจำข้อมูลเมื่อเข้าแทรกซึมได้แล้วก็จะพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าใกล้เป้าหมายที่พวกเขาอยากจะได้ข้อมูลเหล่านั้น

        และเมื่อเข้าถึงข้อมูลก็จะทำการแฮกข้อมูลออกมาหลังจากนั้นก็จะมีการข่มขู่ทางเจ้าของผู้อื่นซึ่งเป็นผู้เสียหายว่าต้องการที่จะได้เงินจำนวนเท่าไหร่ถ้าหากว่าไม่ยอมให้เงินตามที่แฮกเกอร์เรียกร้องก็จะมีการนำข้อมูลที่แฮกมาได้ไปปล่อยในเว็บไซต์ในตลาดมืด ซึ่งในขณะนี้กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลกก็คือกลุ่ม revil ซึ่งจากการสืบเบื้องต้นพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์กลุ่มนี้นั้นอาศัยอยู่ในประเทศรัสเซียนั่นเอง แต่ถึงแม้เราจะรู้ว่าตอนนี้แฮกเกอร์กลุ่มนี้อยู่ไหน แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ทำได้เพียงแค่การเฝ้าระวังเข้อมูลเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย.   ufabetฝ่ายบริการ

Meta โดนกระหน่ำเปรียบเสมือนมะเร็งประชาธิปไตย

Meta โดนกระหน่ำ  มาร์คซัคเคอร์เบิร์กเพิ่งมีการเปิดตัวการรีแบรนด์ชื่อบริษัทใหม่ได้ไม่นาน  ซึ่งชื่อใหม่ของบริษัทก็คือเมก้า   โดยมาแทนชื่อ Facebook  แต่หลังจากเพิ่งประกาศเปิดตัวไม่นานก็ได้มีนักการเมืองชาวอเมริกันคนหนึ่งซึ่งเธอเป็นนักการเมืองหญิงสังกัดพรรคเดโมแครตได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ชื่อแบรนด์  Mate ของ Facebookว่า เหมือนมะเร็งของประชาธิปไตย

        เปิดตัวได้ไม่นานก็โดนวิจารณ์แรงเลยทีเดียวนะคะโดยอเล็กซานเดรียโอคาซิโอ- คอร์เทซนักการเมืองชาวอเมริกันสังกัดพรรคเดโมแครตวิจารณ์ว่าเมต้านั้นเป็นเหมือนกับ cancer to democracy หรือมะเร็งของฝั่งประชาธิปไตยค่ะ

ซึ่งเธอก็ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่นานนักหลังจากที่ Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเมต้าซึ่งเธอบอกว่าเบต้าก็เหมือนกับมะเร็งที่ค่อยๆกระจายตัวไปเรื่อยๆและอาจจะกลายเป็นเหมือนเครื่องมือที่ใช้เพื่อโฆษณาชวนเชื่อทำลายสังคมเพื่อผลกำไร

           สื่อนอก The Insider นำเสนอว่าปัญหาที่เธอพูดถึงนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับจำนวนข้อมูลแชทที่เผยแพร่อยู่บนแพลตฟอร์ม ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากต่อสังคมและระบอบประชาธิปไตยพูดง่ายๆก็คือว่าการเปลี่ยนชื่อไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า Facebook กำลังทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมาพร้อมกับการบิดเบือนข้อมูลและสร้างความเกลียดชังซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอออกมาวิพากษ์วิจารณ์ Facebook รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่นๆนะคะ

       โดยก่อนหน้านี้เคยออกมาพูดถึงประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับการผูกขาดทางธุรกิจของ Facebook มาแล้วซึ่งนอกเหนือจากนักการเมืองก็ยังมีชื่ออื่นที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับเมตตาเช่นกัน   สำหรับทางด้าน Daily Show ก็เอาคลิปที่ซัคเคอร์เบิร์กกำลังพูดแนะนำในซ่ามาตัดต่อเข้ากับฟุตเทรดของเหตุการณ์จลาจลในรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคมรวมถึงการเดินขบวนชาตินิยมผิวขาวในปี 2017

       ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่มีการประชาสัมพันธ์บน Facebook จึงบริษัทก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับข้อมูลเหล่านี้ได้เลยดูจากสิ่งที่ Facebook เคยทำมาจึงไม่น่าแปลกใจนะว่าทำไมหลายคนจึงคิดว่าการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเมก้าครั้งนี้ก็เหมือนกับการออกมาเบี่ยงเบนประเด็นดราม่าที่ Facebook กำลังเผชิญอยู่ 

    เรียกได้ว่าตอนนี้ไม่ว่าทางด้าน Facebook จะขยับเขยื้อนตัวไปทำอะไรก็เป็นข่าวทั้งหมดและข่าวส่วนใหญ่นั้นก็เป็นข่าวด้านเสียหายซึ่งทำให้ หุ้นของFacebook นั้น ตกลงมาอย่างต่อเนื่องมีผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องของกำไรของทาง Facebook เป็นอย่างมากในตอนนี้อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูกันว่าหลังจากที่ทาง Facebook ได้มีการรีแบรนด์แล้วจะสามารถผ่านพ้นปัญหาเหล่านี้ได้ไปได้หรือไม่  แต่เชื่อว่าถึงแม้จะมีการโจมตี Facebook มากเท่าไหร่แต่กระแสความนิยมการใช้บริการ Facebook ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย.   ทางเข้า gclub มือถือ