อิเล็กทรอนิกส์

อิเล็กทรอนิกส์นั้นทุก ๆคนคงคุ้นหูมากที่สุดเพราะว่าเกี่ยวกับไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า

แถมเกี่ยวกับช่างด้วยเช่นอิเล็กทรอนิกส์นั้นเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเลยทีเดียวที่ใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย้น หม้อหุงข้าว หลอดไฟ โทรทัศน์ แอร์ หรือเครื่องใช้ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบหลักที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกันอยู่ในชีวิตประจำวันนั้นต่างก็มาจากอิเล็กทรอนิกส์ทุก คอย่าง ซึ่งการใช้ไฟฟ้าในอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะต้องมีองค์ประกอบหลักในการดำเนินงานคือ คอมพิวเตอร์เพื่อการหาระยะสัดส่วนและกำลังไฟฟ้าได้ ซึ่งอิเล็กทรอนิกส์นั้นยังสร้างพลังงานทดแทนต่าง ๆ และในภาคอุตสาหกรรมได้อีกด้วย อิเล็กทรอนิกส์นั้นจะต่างกับเครื่องกล วิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมต่าง ๆมากเพราะจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปล่อยพลังงานไฟฟ้า และการกระจาย และการเปลี่ยนไฟฟ้ามาเป็นพลังงานมาเป็นพลังงานรูปแบบอื่น โดยการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าหรือมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นตัวต้านในด้านต่าง ๆ อิเล็กทรอนิกส์แบ่งได้เป็น2ส่วน เพราะการใช้คุณสมบัตินั้นมันต่างกันมาก ๆ

ส่วนวงจรไฟฟ้าของอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะแบ่งเป็น2แบบ คือ

1.วงจรแอนะล็อก วงจรแอนะล็อคนี้ส่วนมากในปัจจุบันนั้นมีคนใช้กันน้อยมากไม่ค่อยพบการใช้วงจรนี้มากนักในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นวงจรผสม

2.วงจรดิจิทัล ซึ่งดิจิทัลเป็นเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดและส่วนใหญ่วงจรดิจิทัลนี้จะนิยมมาใช้เกี่ยวกับพวกนาฬิกาและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่ใช้ควบคุมในโรงงานนิคมอุตสาหกรรมและการผลิต

ซึ่งการที่จะเรียนหรือศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์นั้นต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญมากในระดับหนึ่งเพราะการทำทฤษฎีเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ใช้นั้นจะต้องมีพื้นฐานในด้านวงจรไฟฟ้าต่าง ๆซึ่งแม้ผู้เชี่ยวชาญเองยังต้องใช้ความละเอียดและความแม่นยำสูงมากระดับหนึ่ง  ซึ่งการวิเคราะห์ระบบวงจรไฟฟ้าของอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะต้องทราบวิธีการใช้ตัวแปร หากำลังของไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำซึ่งถ้าคำนวณผิดพลาดนั้น ก็อาจจะทำไห้ไม่ประสบผลสำเร็จอีกหลายๆอย่างในการศึกษาของวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอิเล็กทรอนิกส์นั้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย จะทำไห้การทำงานหรือสร้างงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพราะต้องออกแบบแผนผังวงจรไฟฟ้าในการออกแบบโปรแกรมที่ใช้ในอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งวิธีการสร้างนั้นมักจะแตกต่างกันออกไปหลาย ๆรูปแบบ

เพราะบางอย่างจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการคิดค้นและการเป็นตัวแปรของไฟฟ้ากำลัง และบางอย่างอาจจะใช้แค่สมองกับการคำนวณ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอิเล็กทรอนิกส์นั้นนอกจากจะยากแล้ว ยังต้องใช้ความแม่นยำเพื่อการสร้างและการผลิตของชิ้นส่วนไฟฟ้า มาเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวนำ เรียกสิ่งของเครื่องใช้เหล่านี้ว่าอุปกรณ์และของใช้อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถ้านึกไม่ออกนั้นเราอยากไห้ทุกคนหันกลับไปมองสิ่งที่อยู่ในบ้านและรอบ ๆตัวของเรา เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องดูดฝุ่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆต่างเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้นเชิง

ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับสตริง

การใช้ฟังก์ชั่นของ PHP เพื่อจัดการข้อมูลสำคัญสามรูปแบบนั่นคือแบบ String สตริง, แบบตัวเลข Integer และแบบวันเวลา ซึ่งการใช้งานข้อมูลหลักสามแบบนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆเป็นขั้น advance ที่สามารถแตกรายละเอียดยิบย่อยไปได้มากมาย โดยเฉพาะข้อมูลในด้านวันเวลานั้น เป็นข้อมูลพิเศษที่ต้องอาศัยการจัดการโดยเฉพาะทางด้าน PHP

สตริงคือข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ตัวหนังสือ และนำตัวหนังสือแต่ละตัวมาวางเรียงต่อๆกัน ซึ่งแต่ละตัวที่นำมาเรียงต่อกันนั้นจะมีลำดับในตัวของมันเองจึงเป็นเสมือนอาร์เรย์ชุดหนึ่งเช่นกัน ดังนั้น สตริง ก็เหมือนเป็นอาร์เรย์ของตัวอักษร หรือตัวอักขระนั่นเอง เราจึงสามารถนำมาลำดับแยกย่อยแต่ละตัวอักษรออกมาได้ โดยใช้ ฟังก์ชั่นลำดับสมาชิกของอาร์เรย์ ดังนี้

$str = “Thailand”;

echo $str[0].$str[1].$str[2].$str[3]; //ผลลัพธ์ที่ได้คือสมาชิกตัวที่ 0-1-2-3 เป็นคำว่า Thai นั่นเอง

เรามาทำความรู้จักฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับสตริงที่มีการเรียกใช้บ่อยๆกันครับ

ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับรหัส ASCII (แอสกี)

ord(อักขระ) เป็นคำสั่งหาค่ารหัส ASCII ของอักขระที่ระบุ

chr(ค่าแอสกี) เป็นการแปลงจากค่ารหัสแอสกีที่ระบุไปเป็นอักขระที่มีค่าแอสกีตรงกัน

ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับการหาขนาดของสตริง มีน่าสนใจอยู่สองฟังก์ชั่นดังนี้

strlen(สตริง) ใช้หาความยาวของสตริง หรือนับจำนวนสตริงนั่นเอง โดยที่ช่องว่าง 1 ช่อง ก็จะนับด้วย โดยนับเป็น 1 อักขระ ถ้าเป็นภาษาไทยพวกสระและวรรณยุกต์ต่างๆก็จะนับเป็น 1 อักขระด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

$str = “php/mysql version 7x”;

echo strlen($str); //ผลลัพธ์ 20 ตัวอักษร

$str = “สวัดสีค่ะ”;

echo strlen($str); //ผลลัพธ์ 10 ตัวอักษร

str_word_count(สตริง) เป็นคำสั่งไว้นับจำนวนคำ โดยใช้อักขระที่ไม่ใช่ตัวอักษร a-z เป็นเกณฑ์ในการแยก โดยยกเว้น ‘ และ – ดังตัวอย่าง

$str =  “One Two, Three&Four_Five:Six7Seven-Eight+Nine’Ten”;

$count = str_word_count($str); // ก็จะได้ผลลัพธ์ 8 เพราะไม่นับคำที่แบ่งด้วย ‘ และ –

ฟังก์ชั่นในการเปลี่ยนรูปแบบของตัวพิมพ์ก็ใช้งานง่ายๆ

strtolower(สตริง) ใช้เปลี่ยนสตริงที่ระบุเป็นตัวพิมพ์เล็กทุกตัว

strtoupper(สตริง) ใช้เปลี่ยนสตริงที่ระบุเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทุกตัว

ฟังก์ชั่นแยก และรวมสตริง

explode(สัญลักษณ์ที่ใช้แยก, สตริง) เป็นการแยกสตริงออกเป็นชุดย่อยๆ ตามสัญลักษณ์ที่กำหนด

implode(สัญลักษณ์ที่ใช้คั่น, สตริง) เป็นการนำสตริงย่อยๆมารวมเข้าด้วยกัน ด้วยการคั่นตามสัญลักษณ์ที่ระบุ

โซเซียลโชว์

อินเทอร์เน็ตเป็นระบบสื่อสารทางคอมพิวเตอร์

ที่ทุกคนใช้กันมากในปัจจุบันนี้หรือเราเรียกว่าการติดต่อทางโลกโซเซียล เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อกัน

ในปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารต่างๆมีมากมายแม้นแต่การดูข่าวสารบ้านเมืองการดูความเป็นมาของกลุ่มบางกลุ่มที่เลือกอัดแล้วแชร์ลงในโซเซียลเพื่อให้คนติดตามเป็นจำนวนมาก นอกจากจะดูจากทางโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เลือกการดูข่าวสารต่างๆจากโลกโซเซียล  

แต่ข่าวสารจากโซเซียลก็มีทั้งข่าวที่น่าติดตามมีสาระให้ความรู้  ชัดเจนเชื่อถือได้ แต่ก็ยังมีเรื่องราวบางเรื่องราวในโซเซียลกลายเป็นเรื่องหลอกลวงหาความจริงไม่ได้สร้างขึ้นแต่งขึ้นเพื่อให้คนเลียนแบบในทางที่ไม่ถูกต้อง หากเด็กที่ไม่มีวุฒิภาวะไม่รู้จักแยกแยะกับเรื่องราวที่ตัวเองเข้าไปดู 

หรือเราเรียกว่าเข้าไปเสพจนบางครั้งคนดูติด จนอยากทำตามอยากเลียนแบบสิ่งนั้น โดยมาสนใจว่าสิ่งที่กำลังจะทำเลียนแบบนั้นถูกหรือผิด เหมาะสมหรือไม่  เช่น มีเว็บหนึ่งเป็นการโพสต์การฆ่าสัตว์ชนิดหนึ่งด้วยความรุนแรง มีการโพสต์ทีละขั้นตอนอย่างละเอียดในการฆ่าอย่างทรมาร

เป็นการฆ่าเพื่อความสะใจเพื่อให้รู้ว่าฆ่าอย่างไรสัตว์นั้นจะตายแบบทรมารอย่างช้าๆ  ซึ่งเมื่อเราเข้าไปเปิดดูเรากลับรู้สึกกลัวไม่กล้าที่จะดูต่อจนจบ แต่กับบางคนกับดูอย่างสะใจมีการเชียร์ทุกขั้นตอนที่เค้าดู ถ้าหากเป็นเด็กเข้าไปดู ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง ไม่มีความสงสารสัตว์นั้น

อาจจับสัตว์มาทดลองทำเลียนแบบตามเว็บที่เด็กดูได้  นั่นเป็นจุดเริ่มแรกที่ส่งผลให้เด็กชอบความรุนแรงจนทำให้เด็กติดเป็นนิสัย มองเห็นความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถทำได้ไม่ผิดอะไร เป็นการส่อความรุนแรงขึ้นในจิตใจของเด็ก อาจทำให้เด็กทำเรื่องที่ร้ายกาจที่เราอาจคาดไม่ถึง จนกลายเป็นอาชญากร 

โดยไม่ตั้งใจเพราะสะสมความรุ่นแรงตั้งแต่เด็กจนไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำถูกหรือผิด รู้อย่างเดียวว่า ต้องการทำแบบนี้ ตอนนี้ เดียวนี้ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากแต่ก็เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าอาจจะสะสมความรุ่นแรงให้กับเด็ก ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเด็กเด็กอาจจะดูไปเรื่อยๆเพราะมีให้เปิดดูก็ดู แต่ความเป็นจริงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่ากับคนดูเราก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคนที่โพสต์ควรมีจิตสำนึกด้วยว่าเรื่องที่ตัวเองโพสต์เหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะเอาแค่ความสะใจเท่านั้น ควรรับผิดชอบในเรื่องที่ตัวเองโพสต์ด้วย

โซเซียลไม่ใช่ที่ให้ใครก็ได้มาโชว์เรื่องราวที่ไม่เหมาะสมเพราะคนดูเราเลือกไม่ได้ว่าจะให้ใครดูคนที่โพสต์ควรใส่ใจให้มากดูแลสังคมร่วมกันสังคมจะได้น่าอยู่ร่วมกัน

เรียนรู้การใช้งานคีย์บอร์ดให้มากขึ้น

เรียนรู้การใช้งานคีย์บอร์ดให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการทำงาน

การทำงานในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นการใช้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คเป็นหลักในการทำงาน ซึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญนอกจากนี้ก็คือ เมาส์ และคีย์บอร์ด ซึ่งจริงๆ แล้วหากเราสามารถใช้งานมันได้อย่างรู้วิธีใช้ จะยิ่งช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะตัวคีย์บอร์ดที่มีปุ่มมากมาย ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับปุ่มต่างๆ ของมันกันบ้างดีกว่า

Keyboard คือ เครื่องมือสำคัญที่ใช้สำหรับการสั่งงานคอมพิวเตอร์

Keyboard หรือแป้นอักษรที่เรียกในภาษาไทย เป็นเครื่องมือมาตราฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงานการสั่งงานและก็ใส่ข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ คล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีดทั่วๆไป 

ปุ่มสำคัญต่างๆ ของคีย์บอร์ดที่ใช้ปฏิบัติงานแยกออกมาเป็นดังนี้ 

  1. ปุ่ม Escape

ปุ่มสำหรับยกเลิกสิ่งที่เราสั่งลงไป หรือใช้สำหรับนำทางออกมาจากคำสั่งนั้นๆ หรือหน้าต่างการทำงานงที่เราเปิดไว้อยู่

  1. ปุ่ม Functions

ปุ่มที่อำนวยความสะดวกให้แก่เราในการเรียกใช้คำสั่งอื่นๆ ตัวอย่างเช่น กดคีย์ F1 ใช้ในการเรียกคำสั่ง Help เพื่ออ่านข้อมูลการใช้โปรแกรมนั้นๆ

  1. ปุ่ม Print Screen

ปุ่มสำหรับพิมพ์ภาพบนจอที่เปิดอยู่หรือที่เรียกว่า แคปเจอร์หน้าจอนั้น สำหรับในระบบ Windows การ Print Screen จะไม่พิมพ์ข้อมูลในทันที แต่ว่าจะเก็บไว้ภายใน ClipBoard โดยที่สามารถเรียกข้อมูลนั้นได้ด้วยการ Paste หรือใช้คีย์ลัดคือ Ctrl+V ในโปรแกรมใดๆ ก็ตามก็ได้

  1. ปุ่ม Caps Lock รวมทั้งปุ่ม Shift

Caps Lock สำหรับการพิมพ์ภาษาอังกฤษ ปุ่มนี้จะช่วยที่ควบคุมให้พิมพ์ตัวพิมพ์ใหญ่ได้โดยไม่จำเป็นจะต้องกด Shift ค้างไว้ สำหรับภาษาไทยจะมีผลให้คุณใช้งานตัวที่อยู่ด้านบนของตัวปุ่มได้ ถ้าเกิดจะยกเลิกการทำงานนี้ ให้กด Caps Lock อีกครั้ง แตกต่างจาก ปุ่ม Shift ที่เป็นคำสั่งเฉพาะชั่วคราว

  1. ปุ่ม Ctrl รวมทั้งปุ่ม Alt

Ctrl มาจากคำว่า Control และ Alt มาจากคำว่า Alternate เป็นปุ่มที่เวลาใช้จะต้องใช้ร่วมกับปุ่มอื่นๆ สำหรับในการเรียกคำสั่งลัด ดังเช่นว่า Alt+F4 ใช้เพื่อการปิดโปรแกรม

  1. ปุ่ม Spacebar

ปุ่มที่ใช้สำหรับเพิ่มช่องว่างระหว่างตัวหนังสือ

  1. ปุ่ม Backspace

ใช้สำหรับลบตัวหนังสือ จากขวามือมาซ้ายมือ

  1. ปุ่ม Enter

ธรรมดาจะใช้ปุ่มนี้เพื่อรับรองการทำงานในคำสังนั้นๆ ซึ่งไม่เสมอเพราะบางทีใช้เป็นคำสั่งในการขึ้นบรรทัดใหม่

  1. ปุ่ม จำนวนหรือตัวเลข

พวกเราสามารถพิมพ์จำนวนหรือตัวเลข จากตำแหน่งนี้ได้ 

  1. ปุ่ม ลูกศร

ปุ่มใช้สำหรับเลื่อน Cursor ไปทางซ้าย ทางขวา ลงด้านล่าง ขึ้นด้านบน

 

เทคนิค: ปุ่ม Windows :เป็นปุ่มพิเศษที่ใช้แทนคำสั่งการกดปุ่ม Start ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ Windows เวอร์ชั่น 95

เทคนิค: ปุ่ม ลูกศร เป็นปุ่มพิเศษใช้แทนคำสั่งลักคลิกขวา (Right Click) บนเมาส์

เทคนิค:  กรณีโปรแกรมมีการขึ้นเป็นข้อความว่า ‘press any key to continue’ เป็นให้ท่านกดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อเริ่มทำงานต่อไป

Program Adobe Illustrator กับการพัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน

ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะในปัจจุบันพวกคอร์สสอนเรียน AI (Adobe Illustrator) เริ่มมีแพร่หลายมาพักใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสอนที่โรงเรียน สถาบันการศึกษา สถาบันสอนพิเศษต่างๆ หรือจะสอนเป็นคอร์สออนไลน์ ไลฟ์สด หรือเป็นวีดีโอให้ดูแล้วหัดทำตาม

ทำให้ไม่เป็นเรื่องอย่างอีกต่อไป เราสามารถมาต่อยอดใช้งานได้หลากหลายดังนี้

  1. ใช้ออกแบบนามบัตรทางธุรกิจ

การทำธุรกิจหรืออาชีพใดๆก็ตาม จำเป็นที่จะต้องมีนามบัตรเอาไว้ เพื่อไว้ให้ลูกค้าติดต่อเราได้ในภายหลัง หรือเพื่อเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้คนรู้จักเรามากขึ้นผ่านนามบัตรนี้ นามบัตรที่ดีจะเป็นเหมือนหน้าต่างแสดงออกให้เห็นว่าเราเป็นคนอย่างไร หรือธุรกิจที่เราทำเป็นอย่างไร มีรูปแบบในเชิงไหน ฉะนั้นการออกแบบผ่านโปรแกรม AI เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ง่ายและสำคัญต่อธุรกิจของคุณมาก เราสามารถออกแบบกำหนดขนาดได้ เปลี่ยนสี เปลี่ยน font จัดเลย์เอาท์ต่างๆได้อย่างอิสระ รวมไปถึงใส่ภาพถ่าย ภาพวาด รูปสัญลักษณ์ต่างๆที่บ่งบอกถึงธุรกิจ หรือตัวคุณให้ชัดเจนมากขึ้นได้อีกด้วย

  1. ภาพโฆษณาทาง Social Media ต่างๆ

ปัจจุบันการตลาดที่ทรงพลังมากที่สุดคือ Social Media ที่นับวันจะเติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instragram, Line ซึ่ง Social Media เหล่านี้เป็นช่องทางในการทำการตลาดของธุรกิจของท่านๆได้เป็นอย่างดี และการทำการตลาดก็ควรมีภาพประกอบ ภาพโปรไฟล์ หรือ ภาพ Ads ที่ดูน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า ซึ่งโปรแกรม AI ตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เราสามารถ Design ได้อย่างอิสระ ทั้งขนาดภาพที่ต่างกันในทุกช่องทางโฆษณา หรือโทนสี การวาด ลายเส้น ภาพกราฟฟิก เรียกว่าสะดวกสบายมากสำหรับการใช้ AI ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้

  1. ภาพโปสเตอร์ ป้ายไวนิล คูปอง สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ

งานพิมพ์ที่ต้องปริ้นท์ออกมา ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์โฆษณาเช่น โฆษณาภาพยนตร์ โฆษณาวงดนตรีคอนเสิร์ต หรือป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ตามร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นหรือ SALE ลดราคา รวมไปถึงงานทำโบรชัวร์แผ่นพับ คูปองสมนาคุณต่างๆ ฯลฯ เรียกว่างานพิมพ์ทุกอย่างเกือบ 80% ใช้โปรแกรม AI ในการออกแบบก่อนเกือบทั้งหมด เพราะสามารถทำได้ง่าย กำหนดขนาด กำหนดโหมดสี และตกแต่งทุกอย่างได้เป็นอย่างใจ ได้ไฟล์งานเป็น Vector ที่ขยายภาพแล้วไม่แตก ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงมาก

วัยรุ่นวัยคอม

วัยรุ่นวัยคอมเป็นอย่างไร

           คอมพิวเตอร์เราไม่รู้เลยว่าเริ่มแทรกเข้ามาในชีวิตของคนเราตั้งแต่เมื่อไหร่  ช่วงเวลาไหน เรารับรู้แต่ว่าคอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตของคนเกือบจะทุกเพศทุกวัย  ทุกภูมิภาค ทุกสังคม ทุกช่วงวัยของชีวิต โดยใช้กันทุกแหล่งทุกสถานที่ ที่ทำงานรวมทั้งที่ใช้ในด้านการทำธุระส่วนตัว  ตอบสนองความต้องการด้านความบันเทิง ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเองได้ทุกอย่างที่เราต้องการ จากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ   กลายเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา หรือเราเรียกว่าโน้ตบุ๊ค เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นเครื่องที่ใช้งานง่ายสะดวกสบาย สามารถพกพาไปได้ทุกสถานที่ทุกช่วงเวลาที่เราต้องการ

ความสามารถเหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทุกอย่างยิ่งกว่านั้นการพกพาการเคลื่อนย้ายสะดวกไปกับเราได้ทุกสถานที่เป็นความทันสมัยของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆจนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเริ่มจะไม่ค่อยมีผู้คนนิยมใช้หรือซื้อหาแล้ว  ผู้ผลิตเริ่มมองหานวัตกรรมที่แปลกใหม่ที่ทันสมัยสะดวกพกพาง่ายสามารถนำไปใช้ได้ด้วยทุกสถานที่ทุกเวลาและตรงตามความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น

คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจึงเริ่มไม่ค่อยมีผู้คนต้องการเหมือนเดิม

จะมีเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่ยังใช้อยู่ เช่นหน่วยงานราชการ ห้างร้านต่างๆ โรงงาน รวมไปถึงบริษัทยังคงใช้แบบตั้งโต๊ะที่ยังพอเห็นอยู่ นอกนั้นตามกลุ่มนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน ผู้คนทั่วไปเริ่มจะเปลี่ยนเป็นโน้ตบุ๊คกันแล้ว

         จากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่มีความทันสมัยมากอยู่  และยังมีผู้คนต้องการอยู่มาก  ผู้ผลิตยังได้คิดค้นนวัตกรรมที่ทันสมัยและแปลกใหม่ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค  เน้นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งวัยทำงาน สิ่งนี้ คือมีขนาดเล็กกว่าโน้ตบุ๊คที่เราเรียกกันว่า แท็บเล็ต สเปกแรงโปรโมชั่นดีรูปแบบสวยงาม  พกพาได้สะดวก ความสามารถในการทำงานเทียบเท่ากับโน้ตบุ๊คพิเศษเพิ่มขึ้นคือสามารรถถ่ายภาพ บันทึกเสียง และถ่ายวีดีโอได้รวมทั้งยังเป็นโทรศัพท์ได้ในคราวเดียวกัน 

ความทันสมัยนี้ของนวัตกรรมของผู้คิดค้นได้ก้าวไกลไปทุกวันซึ่งคนเราทุกวันนี้ก็ต้องหมั่นพัฒนาตนเองในด้านการใช้เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้  ด้านความสามารถด้านต่างๆของคนเราต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อโลกและนวัตกรรมของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกวันทุกเวลา

แต่ทุกวันนี้ผู้คิดค้นผลิตโทรศัพท์มือถือยังผลิตโทรศัพท์ให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา  โทรศัพท์มือถือเล็กๆเครื่องเดียวที่สามารถพกพาไปกับเราได้ทุกที่ทุกเวลาที่เราต้องการ การเป็นผู้บริโภคต้องรู้จักปรับเปลี่ยน  ทั้งความคิดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะก้าวตามไปให้ทันยุคทุกสมัย แต่ท้ายสุดเราก็ต้องดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องเหมาะสม 

ในการใช้เทคโนโลยี ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นจนทำให้คนอื่นเดือนร้อน

การใช้ UDP (User Datagram Protocol)

ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่ไม่ต้องสร้างการเชื่อมต่อขึ้นมา (Connectionless)เหมาะสำหรับการทำ DHCP โดยจะมีพอร์ตต้นทางหมายเลข 67 และพอร์ตปลายทาง68 เอาไว้ติดต่อสื่อสารกับระหว่างเครื่อง DHCP Server กับ DHCP Clientจากนั้นเครื่อง DHCP Server จะแสดงตัวตนด้วยการแสดงไอพีแอดเดรสให้ทราบและค้นหาหมายเลขไอพีแอดเดรสจากฐานข้อมูลในเครื่องเพื่อไม่ให้ซ้ำกันแล้วส่งเมสเสจ DHCP Offer (IP Lease Offer) กลับไปให้ไคลเอนต์ที่ขอมา

เมื่อเครื่องไคลเอนต์ได้รับหมายเลขไอพีแอดเดรสแล้วทางไคลเอนต์จะส่งสัญญาณตอบกลับ DHCP Request มาให้ทราบ

หลังจากที่เครื่อง DHCP Server ได้รับสัญญาณ DHCP Request

จะส่งสัญญาณ DHCP Ack (IP Lease Acknowledgement)กลับไปยังเครื่องไคลเอนต์เพื่อให้เริ่มใช้ไอพีแอดเดรสหมายเลขนี้ได้ (และ DHCPServer จะเก็บหมายเลขไอพีแอดเดรสนั้นเอาไว้ไม่ให้เครื่องอื่นใช้)โดยกำหนดระยะเวลาในการใช้ IP ให้ทราบคือ IP Address Lease Time และSubnet Mask DHCP เป็นโปรโตคอลที่ออกแบบมาให้ใช้งานแทน BOOTPเนื่องจากมีความสามารถสูงกว่าหลายด้าน ถ้าในองค์กรมีระบบเครือข่ายไม่ใหญ่มาก(ไม่ใช้ Router ในการทำงาน)การออกแบบกำหนดสโคปหรือช่วงการใช้ไอพีแอดเดรสก็ไม่ยุ่งยาก

แต่ถ้าเป็นเครือข่ายที่มีขนาดกลาง – ใหญ่ มีการแบ่งเครือข่ายย่อย (subnet) และใช้Router ทำงานด้วย ควรจะพิจารณาองค์ประกอบต่อไปนี้

– ต้องมีการสงวนไอพีแอดเดรสบางส่วนเอาไว้สำหรับเครื่อง DHCP Server,DNS Server, WINS Server รวมทั้ง Router

– ในการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายย่อย (Subnet) ที่มีความเร็วต่ำผ่าน Dial –up นั้น ควรจะมี DHCP Server ในแต่ละเครือข่ายย่อยไปเลย โดยมี DHCP RelayAgents ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าฟังการร้องขอไอพีแอดเดรสจากไคลเอนต์เพื่อส่งต่อไปยังDHCP Server ตัวจริง

– สามารถใช้ Router ที่สนับสนุนมาตรฐาน RFC 1542 หรือ BOOTPในการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายย่อยได้ (เป็นการใช้งานแทน DHCP Relay

Agents)Windows Server จะกำหนดให้ Active Directoryเป็นตัวจัดเก็บเฉพาะรายชื่อของ DHCP Server ที่ได้รับอนุญาตเอาไว้เป็นเหตุให้การเริ่มทำงานทุกครั้ง DHCP Serverจะต้องเข้ามาตรวจสอบรายชื่อตัวเองใน Active Directory ว่ามีหรือไม่

ถ้าไม่มีจะทำให้ไม่สามารถให้บริการของ DHCP ได้และข้อควรระวังอีกประการ คือเครื่อง DHCP Server แบบติดตั้งแยก (Stand – alone) จะไม่สามารถทำงานร่วมกับDHCP Server บนโดเมนได้