Global Page เป็นโปรแกรมที่มีการใช้งานได้ง่ายมากในการดูแลลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกจึงมีหลายๆคนให้ความสนใจกับโปรแกรมนี้เป็นอย่างมากซึ่งโปรแกรมนี้มีการใช้งานผ่านทาง facebook โดย 1 แบรนด์จะสามารถใช้ได้ 1 เพจนอกจากนี้ยังสามารถใช้กับภาษาท้องถิ่นได้อีกด้วยทำให้ได้รับการสนับสนุนจากทาง Facebook เป็นอย่างมาก
เพราะGlobal Page ทำให้การนับจำนวน Like และ tracking about this รวมกันแต่ยังคงรุ่นของภาษารูปโปรไฟล์ภาพ cover โพสต์รวมถึงแอปต่างๆให้แตกต่างกันไปตามพื้นที่โดยการใช้งานนั้นผู้ใช้จะถูกลงไปยังหน้าเพจตามพื้นที่ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติแต่ยังคงสามารถเข้าถึงหน้าเพจของพื้นที่อื่นๆได้
Global Page ใน Facebook สำหรับข้อดีของGlobal Page ก็คือการสร้างเนื้อหาที่เป็นการเฉพาะเจาะจงแต่ละพื้นที่ได้โดยใช้ Global Pageเพียงเพจเดียว
ในขณะที่หลายๆแบรนด์ใช้วิธีสร้างเพจแยกไปตามแต่ละประเทศทำให้เป็นการยากที่ผู้ใช้จะค้นหาเพจที่ต้องการเจอซึ่งตอนนี้ผู้ใช้ไม่ต้องเลือกอีกต่อไปในการสร้างเพจของ Facebook จะไม่ได้อยู่แค่ระดับมือหรือระดับประเทศอีกต่อไปดังนั้นแบรนด์ต่างๆจึงนิยมใช้Global Page กันเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าเป็นการทำการตลาดที่ทำให้แคบลงสามารถเข้าถึงได้ทั่วทุกมุมโลก
อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับความน่าสนใจของ Global Page น้ำมีอยู่หลากหลายประเด็น หลายๆเพจนั้นมีแฟนเพจขนาดใหญ่อยู่ทั่วโลก
แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เปลี่ยนมาเป็น Global Trade แล้วจะทำให้แต่ละโพสต์เข้าถึงกลุ่มของคนในพื้นที่ได้น้อยลงเพราะจะถูกแบ่งแยกย่อยไปตามพื้นที่ซึ่งถ้าหากว่าแบรนด์ไหนสนใจที่จะมีการเปิดGlobal Page กลับทาง Facebook จะต้องติดต่อเซลล์ของทาง Facebook ของแต่ละประเทศโดยตรงยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ที่มีการติดต่อ Facebook เพื่อต้องการใช้งานGlobal Page ก็คือ Lancome รวมถึงวอลดิสนีย์และ Dove เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้งานGlobal Page นั้นคุณสมบัติโดยรวมแล้วก็คือต้องการให้การติดต่อสื่อสารระหว่างแฟนกับลูกค้าสามารถทำได้อย่างง่ายดายและลดการสะสมของลูกค้าซึ่งคุณสมบัตินี้จะเห็นได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ทาง Facebook ให้ความสนใจและให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ีดฟิำะ เนื่องจากว่าคุณสมบัตินี้จะช่วยให้แบรนด์นั้นสามารถทำการตลาดได้ง่ายและมากขึ้นนั่นเอง
สำหรับใครที่ต้องการที่จะมีการเปิดใช้Global Page ฉันต้องมีเพจอยู่ 2 ชนิดด้วยกันซึ่งเพจหลักนั้นก็คือเพจ ซึ่งทุกคนทั่วโลกสามารถที่จะมองเห็นเพจหลักได้ในขณะเดียวกันในแต่ละประเทศนั้นก็จะมีเพจรองซึ่งเราเรียกว่า child page และทางด้านเจ้าของแบรนด์เองก็สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ประเทศไหนเป็นเพจหลักซึ่งสามารถกำหนดได้มากกว่า 1 ประเทศในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะให้ประเทศอื่นๆนั้นเป็นเพจiองก็ได้เช่นเดียวกัน